หลังจากที่ตรวจสอบสภาพบ้านเรียบร้อย และในระหว่างที่กำลังดำเนินการทำสัญญาต่างๆ เพื่อซื้อบ้านมือสอง เรื่องต่อไปที่จำเป็นจะต้องทำก็คือการวางแผนในการปรับปรุงบ้านซึ่งควรทำก่อนที่เราจะย้ายเข้าไปอยู่ เพราะเมื่อเราย้ายเข้าไปอยู่แล้วจะทำให้การปรับปรุงทำได้ลำบาก ดังนั้นจึงควรใช้ช่วงเวลาในขณะที่กำลังรอการทำธุรกรรมต่างๆ เพื่อวางแผนในการปรับปรุงบ้านมือสองของเราให้พร้อมอยู่
การวางแผนในการปรับปรุงบ้านมือสองนั้น ก็เหมือนกับการวางแผนปรับปรุงบ้านทั่วไปที่ควรต้องเริ่มจากการวางแผนในเรื่องของงบประมาณการซ่อมแซมหรือต่อเติม ว่าจะทำการปรับปรุงในส่วนใดบ้างโดยใช้ข้อมูลเบื้องต้นที่เราบันทึกไว้จากการสำรวจตรวจสอบบ้านมือสอง
การตั้งงบประมาณสำหรับการปรับปรุงหรือต่อเติมบ้านเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและแตกต่างจากการตั้งงบประมาณสำหรับปลูกบ้านใหม่อยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ยากจนไม่สามารถเรียนรู้ได้ โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 วิธีคือ
1. การประมาณราคาอย่างหยาบ
ซึ่งเป็นการประมาณราคาเบื้องต้นโดยใช้ตัวเลขราคาต่อตารางเมตร ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการปรับปรุงบ้านที่มีพื้นที่ขนาด 100 ตารางเมตร เราสามารถคำนวณได้จาก
ขนาดของพื้นที่ปรับปรุง 100 ตารางเมตร X ค่าซ่อมแซมประมาณ 4,000 บาท/ตารางเมตร = 400,000
ตัวเลขค่าซ่อมแซมโดยประมาณเป็นตัวเลขประมาณการตามสถิติที่ได้มีการประเมินกันไว้ ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การคลาดเคลื่อนถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
2. การประมาณราคาอย่างละเอียด
เกิดจากการตีราคาตามวัสดุและพื้นที่ปรับปรุงจริง ตามแบบก่อสร้างปรับปรุงพร้อมสเป็ครายละเอียดของวัสดุที่ใช้ อาจมีความคลาดเคลื่อนอยู่ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้ประมาณราคาจะต้องทราบราคาแยกออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้
2.1. ค่าวัสดุ เช่น กระเบื้อง สี ท่อประปา ไปจนกระทั้ง อิฐ หิน ปูน ทราย ราคาวัสดุก่อสร้างเป็นราคาซึ่งมีการแปรผันค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับรูปแบบ และมาตรฐานของแต่ละผู้ผลิต พูดให้ฟังง่ายๆ ก็คือ มีตั้งแต่คุณภาพต่ำราคาถูก ไปจนถึงคุณภาพดีราคาแพง ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยในกระเป๋าของแต่ละคน และสามารถค้นหาราคาได้จากทางอินเทอร์เนต หรือใช้วิธีการพิมพ์รายการทั้งหมดและนำไปให้ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างใกล้ๆ บ้านที่เราจะทำการปรับปรุงทำใบเสนอราคากลับมาก็ได้ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ววิธีหนึ่ง
2.2. ค่าแรง เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงานของช่าง เช่น ค่าแรงปูกระเบื้อง ค่าแรงทาสี ค่าเดินสายไฟ ค่าแรงนี้แปรผันไม่มากนัก ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และความชำนาญของช่างฝีมือ พอจะประมาณได้ดังนี้